หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงาน

หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงาน

 

          โดยที่เป็นการสมควรปรับแก้ไขหลักเกณฑ์วิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงานในสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ให้มีความเหมาะสม ชัดเจนยิ่งขึ้น สถาบันจึงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานไว้ดังต่อไปนี้

  1. นิยาม

          “สถาบัน” หมายความว่า สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)

          “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

          “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

          “ส่วนงาน” หมายความว่า  หน่วยงานภายในสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)

          “หัวหน้าส่วนงาน” หมายความถึง หัวหน้างาน หัวหน้าหน่วย ผู้อำนวยการกลุ่มงาน ผู้อำนวยการศูนย์ ผู้อำนวยการหอดูดาว หรือหัวหน้าส่วนงานที่เรียกชื่ออื่น

          “ผู้ปฏิบัติงาน” หมายความว่า ผู้ปฏิบัติงานตามมาตรา 30 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2551

          “ผู้ประเมิน” หมายความว่า ผู้บังคับบัญชาชั้นต้น หรือผู้บังคับบัญชาโดยตรงของผู้รับการประเมิน

          “ผู้รับการประเมิน” หมายความว่า ผู้ปฏิบัติงานในสังกัดส่วนงานของสถาบัน

          “การประเมินผลการปฏิบัติงาน” หมายความว่า การประเมินค่าของผลการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงานในสถาบัน โดยพิจารณาผลสัมฤทธิ์ของงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งต้องกำหนดตัวชี้วัดหรือหลักฐานบ่งชี้ความสำเร็จของงานร่วมกันระหว่างผู้ประเมินและผู้รับการประเมินเทียบกับมาตรฐาน หรือเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ และพิจารณาพฤติกรรมในการปฏิบัติงานตามสมรรถนะที่กำหนด

          “แบบประเมินผลการปฏิบัติงาน” หมายความว่า แบบประเมินผลการปฏิบัติงานซึ่งประกอบด้วยข้อตกลงการปฏิบัติงาน และสมรรถนะที่คาดหวังในแต่ละครั้งการประเมิน

 

หมวด 1

บททั่วไป

  1. ให้ใช้หลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดนี้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงานของสถาบันทุกตำแหน่ง ยกเว้นตำแหน่งผู้อำนวยการ และตำแหน่งอื่นที่คณะกรรมการกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
  2. หัวหน้าส่วนงาน อาจกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานในส่วนงานเพิ่มเติม เพื่อสร้างเสริมประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้เหมาะสมกับลักษณะและภาระงานของส่วนงานเป็นการเฉพาะจากที่กำหนดไว้ในหลักเกณฑ์นี้ได้ โดยให้ส่วนงานประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานให้ผู้ปฏิบัติงานของส่วนงานนั้น ๆ รับทราบล่วงหน้าก่อนถึงรอบปีการประเมิน
  3. ให้สถาบันกำหนดแบบประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงานของสถาบัน แบ่งเป็น 5 ประเภท ดังนี้

    (1) ตำแหน่งประเภทปฏิบัติการ

    (2) ตำแหน่งประเภทพัฒนาเทคโนโลยีและวิศวกรรม

    (3) ตำแหน่งประเภทวิชาการ

    (4) ตำแหน่งประเภทวิจัย

    (5) ตำแหน่งประเภทบริหาร

         ทั้งนี้ให้ผู้ปฏิบัติงานในสถาบันจัดทำแบบประเมินผลการปฏิบัติงานแต่ละประเภทตามวรรคแรก โดยให้นำข้อตกลงการปฏิบัติงาน เช่น ภาระงาน และหรือกิจกรรม โครงการ ที่ได้ตกลงร่วมกันมาระบุไว้ในแบบประเมินผลการปฏิบัติงานของแต่ละประเภทแล้วแต่กรณี

 

หมวดที่ 2

การดำเนินการ

  1. ให้หน่วยงานส่วนงานกำกับดูแลให้ผู้ปฏิบัติงานในสังกัดจัดทำข้อตกลงการปฏิบัติงานปีละครั้งตามหลักเกณฑ์นี้ให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมสของรอบปีการประเมินนั้น และดำเนินการประเมินผลการปฏิบัติงานสองครั้ง ดังนี้

               ครั้งที่ 1  ประเมินผลการปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 มีนาคมของปีงบประมาณเดียวกัน โดยให้นำผลการประเมินไปใช้ในการติดตามและประเมินความก้าวหน้าของการดำเนินงานตามข้อตกลงการปฏิบัติงาน และหรือนำไปปรับปรุงข้อตกลงการปฏิบัติงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงในการประเมินผลการปฏิบัติงานครั้งที่ 2 ก็ได้

               ครั้งที่ 2 ประเมินผลการปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 30 กันยายนของปีงบประมาณเดียวกัน

          ทั้งนี้ให้นำผลการประเมินครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 มาประเมินผลการปฏิบัติงานตามข้อตกลงการปฏิบิตงานตามข้อตกลงการปฏิบัติงานในแต่ละครั้งการประเมิน และพิจารณาจัดกลุ่มคะแนนตามข้อ 13 เพื่อนำไปใช้ในการบริหารทรัพยากรบุคคลตามข้อ 16

  1. ให้ผู้บังคับบัญชาชั้นต้น ร่วมกับหัวหน้าส่วนงาน เป็นผู้ประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงานในสังกัด หรือหัวหน้าส่วนงานอาจแต่งตั้งบุคคลตั้งแต่ 3 คน ตามที่ผู้ประเมินเสนอเป็นคณะกรรมการประเมินผลการปฏิบัติงาน ประกอบด้วย

              (1) ผู้ประเมิน เป็นประธาน

              (2) ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อโดยผู้ประเมิน เป็นกรรมการ

              (3) ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจากผู้รับการประเมิน เป็นกรรมการ

          การได้มาซึ่งกรรมการตาม (3) ให้เป็นไปตามความเหมาะสมของแต่ละส่วนงาน โดยผู้ได้รับการเสนอชื่อต้องเป็นผู้ปฏิบัติงานที่ทราบข้อมูลการปฏิบัติงานของผู้รับการประเมิน

          ทั้งนี้ให้ส่วนงานแจ้งคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการปฏิบัติงานให้ผู้เกี่ยวข้องทราบก่อนการประเมินผลการปฏิบัติงาน

 

หมวด 3

องค์ประกอบและสัดส่วนการประเมินผลการปฏิบัติงาน

  1. การประเมินผลการปฏิบัติงานให้ประเมินจาก 2 องค์ประกอบ ดังนี้

              (1) การประเมินผลงาน เป็นการประเมินผลสัมฤทธิ์หรือผลสำเร็จของการปฏิบัติงานตามข้อตกลงการปฎิบัติงานและรายการที่กำหนดไว้ในแบบประเมินผลการปฏิบัติงาน        

              (2) การประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติงาน เป็นการประเมินพฤติกรรมที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์หรือผลสำเร็จของการปฏิบัติงาน

  1. ให้กำหนดสัดส่วนองค์ประกอบการประเมินผลงานและการประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติงาน ไว้ดังนี้

                ตำแหน่งประเภท

ผลงาน

:

พฤติกรรม

(1) ตำแหน่งประเภทปฏิบัติการ   

80

:

20

(2) ตำแหน่งประเภทพัฒนาเทคโนโลยีและวิศวกรรม

80

:

20

(3) ตำแหน่งประเภทวิชาการ

80

:

20

(4) ตำแหน่งประเภทวิจัย

80

:

20

(5) ตำแหน่งประเภทบริหาร

60

:

40

          หัวหน้าส่วนงานโดยความเห็นชอบของผู้อำนวยการอาจกำหนดสัดส่วนองค์ประกอบการประเมินผลงานและการประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติงานแตกต่างไปจากวรรคแรกได้ตามความเหมาะสมกับภารกิจของส่วนงาน ตำแหน่ง และระดับตำแหน่ง  ทั้งนี้ให้จัดทำเป็นประกาศของส่วนงานแจ้งให้ผู้ปฏิบัติงานทราบด้วย

 

หมวด 4

การจัดทำข้อตกลงการปฏิบัติงาน

  1. ให้ผู้ประเมินและผู้รับการประเมินกำหนดข้อตกลงการปฏิบัติงานร่วมกันเกี่ยวกับการมอบหมายงานเป็นลายลักษณ์อักษร โดยกำหนดให้เหมาะสมและสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบตามคำบรรยายลักษณะงาน ตำแหน่งงาน และความรู้ ความสามารถ โดยข้อตกลงดังกล่าวควรให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของสถาบัน และหรือของส่วนงานด้วย ทั้งนี้ให้ผู้ประเมินและผู้รับการประเมินร่วมกันกำหนดตัวชี้วัดหรือหลักฐานบ่งชี้ความสำเร็จของงานเทียบกับมาตรฐาน หรือเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ และจัดทำให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม โดยมีแนวทางในการทำข้อตกลง ดังนี้

             (1) ภารกิจที่สอดคล้องกับประเด็นยุทธศาสตร์ของสถาบัน และแผนกลยุทธ์ของส่วนงาน

             (2) ภารกิจหลักของตำแหน่งงาน ตามหน้าที่ความรับผิดชอบตามคำบรรยายลักษณะงาน

             (3) ภารกิจที่ได้รับมอบหมายเพิ่มเติมจากภารกิจหลักของตำแหน่งงาน

             (4) ภารกิจเพื่อส่วนรวมของสถาบัน

        เมื่อผู้ประเมินและผู้รับการประเมินจัดทำข้อตกลงในแบบประเมินผลการปฏิบัติงานเรียบร้อยแล้วให้ผู้ประเมินและผู้รับการประเมินลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน

        กรณีที่ผู้ประเมินกับผู้รับการประเมินไม่สามารถจัดทำข้อตกลงร่วมกันได้ ให้ผู้บังคับบัญชาที่เหนือขึ้นไปเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดและให้ถือเป็นที่สุด

  1. ผู้ปฏิบัติงานผู้ใดที่จัดทำข้อตกลงการปฏิบัติงานตามคำวินิฉัยชี้ขาดตามข้อ 9 วรรคท้าย จะไม่ได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน และถือว่าเป็นการกระทำผิดทางวินัยฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบาย กฏ ข้อบังคับ ระเบียบและคำสั่งของสถาบัน

 

หมวด 5

การประเมินผลการปฏิบัติงานและการติดตาม

  1. การประเมินผลงาน ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาผลสัมฤทธิ์ของงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายและหรือจากข้อมูล และหรือสถิติที่เก็บได้ตามภาระงานเทียบกับมาตรฐาน หรือเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้กับตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานที่ได้ตกลงกันไว้ตามแบบประเมินผลการปฏิบัติงานในข้อ 9
  2. การประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติงาน ให้ผู้บังคับบัญชาประเมินหรือใช้วิธีการมอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) ร่วมประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติงานของผู้รับการประเมิน โดยอาจใช้รูปแบบการประเมินแบบ 360 องศา หรือใช้รูปแบบอื่นตามความเหมาะสมของแต่ละส่วนงานก็ได้
  3. ให้กำหนดระดับคะแนนผลการประเมินการปฏิบัติงาน เป็น 5 ระดับ ดังนี้

               ระดับดีเด่น             หมายถึง  ช่วงคะแนนระหว่าง      90.0 – 100  คะแนน

               ระดับดีมาก            หมายถึง  ช่วงคะแนนระหว่าง      80.0 – 89.9  คะแนน

               ระดับดี                   หมายถึง  ช่วงคะแนนระหว่าง      70.0 – 79.9  คะแนน

               ระดับพอใช้            หมายถึง  ช่วงคะแนนระหว่าง      60.0 – 69.9  คะแนน

               ระดับต้องปรับปรุง    หมายถึง  คะแนนต่ำกว่า  60  คะแนน

          ให้งานบริหารทรัพยากรบุคคลนำผลการประเมินการปฏิบัติงานมาจัดกลุ่มคะแนนตามวรรคหนึ่ง เพื่อ
นำผลไปใช้ในการบริหารทรัพยากรบุคคลตามข้อ 16 ทั้งนี้หากผู้รับการประเมินคะแนนต่ำกว่า 60 คะแนน จะไม่ได้รับการพิจาณณาเลื่อนเงินเดือน

  1. เมื่อผู้ประเมินทุกระดับชั้นได้ดำเนินการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้รับการประเมินเสร็จแล้วให้ลงลายมือชื่อไว้ในแบบประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้รับการประเมินทุกคน และให้ผู้ประเมินแจ้งผลการประเมินให้ผู้รับการประเมินทราบพร้อมให้ลงลายมือชื่อรับทราบผลการประเมินเป็นรายบุคคลให้แล้วเสร็จภายหลักจากการประเมินแต่ละครั้ง

          กรณีที่ผู้รับการประเมินไม่ยินยอมลงลายมือชื่อตามวรรคหนึ่ง ให้หาพยานบุคคลลงลายมือชื่อ และหรือวิธีอื่น ๆ เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้มีการแจ้งผลการประเมินแล้ว

          กรณีผู้ประเมินแจ้งผลการประเมินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบัน ให้ถือว่าการแจ้งในระบบดังกล่าวเป็นหลักฐานในการแจ้งและการรับทราบผลการประเมินแล้ว

  1. ให้ผู้อำนวยการหรือผู้ได้รับมอบหมายดำเนินการกลั่นกรองผลการประเมินการปฏิบัติงานตามที่หัวหน้าส่วนงานเสนอ เพื่อทำหน้าที่พิจารณาให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับมาตรฐานและความเป็นธรรมของการประเมินผลการปฏิบัติงานและให้ความเห็นเกี่ยวกับผลการประเมินการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงานของส่วนงานในภายรวมต่อผู้อำนวยการตามแบบที่สถาบันกำหนด

 

หมวด 6

การนำผลการประเมินการปฏิบัติงานไปใช้ในการบริหารทรัพยากรบุคคล

  1. ผลการประเมินการปฏิบัติงาน ให้นำไปใช้ในการบริหารทรัพยากรบุคคล ดังนี้

               (1) นำไปพัฒนา และปรับปรุงการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงานให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

               (2) นำไปใช้ในการบริหารงานบุคคล ได้แก่ การเลื่อนเงินเดือน การให้รางวัลประจำปี การให้ค่าตอบแทนอื่น ๆ ในการให้รางวัลจูงใจ การต่อสัญญาจ้าง การเปลี่ยนประเภทการจ้าง ประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับความก้าวหน้าในสายอาชีพ การเปลี่ยนแปลงสัญญาจ้าง และการบริหารงานบุคคลในเรื่องอื่น ๆ

  1. ในกรณีที่ผู้รับการประเมินผู้ใดเห็นว่าการประเมินไม่เป็นธรรม หรือมีข้อมูลเกี่ยวกับการประเมินของตนเองที่ต้องการชี้แจงเพิ่มเติม ให้ผู้รับการประเมินยื่นหนังสือแจ้งคัดค้านผลการประเมิน หรือชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมต่อหัวหน้าส่วนงานภายใน 15 วันทำการนับถัดจากวันที่รับทราบผลการประเมิน หากไม่ยื่นภายในกำหนดเวลาดังกล่าวให้ถือว่าผู้รับการประเมินยอมรับในผลการประเมินนั้นแล้ว

          เมื่อหัวหน้าส่วนงานได้รับเรื่องคัดค้านหรือข้อมูลชี้แจ้งเพิ่มเติมแล้วให้ทบทวนผลการประเมินให้แล้วเสร็จและแจ้งให้ผู้รับการประเมินทราบเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 15 วันทำการนับถัดจากวันที่ได้รับหนังสือคัดค้านหรือข้อมูลชี้แจงเพิ่มเติม

  1. การจัดเก็บผลการประเมินการปฏิบัติงานเพื่อนำไปใช้ประกอบการบริหารทรัพยากรบุคคลในเรื่อง
    ต่าง ๆ และให้ถือว่าคะแนนผลการประเมินการปฏิบัติงานเป็นความลับ

         ทั้งนี้ ให้จัดเก็บผลการประเมินไว้เป็นระยะเวลา 5 ปี ยกเว้นกรณีที่มีคดีความอาจเก็บไว้มากกว่า 5 ปีก็ได้

  1. ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นี้ ให้ผู้อำนวยการมีอำนาจสั่งการให้ปฏิบัติตามที่เห็นสมควร และให้ถือเป็นที่สุด